บทความ

ภิกษุที่มีปกติอยู่คนเดียวและ ภิกษุที่มีปกติอยู่กับเพื่อน..?

รูปภาพ
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี...    ครั้งนั้น พระมิคชาละภิกษุ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า.... ภิกษุชื่อว่า มีปกติอยู่ผู้เดียว และชื่อว่ามีปกติอยู่กับเพื่อน ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ ... พระผู้มีพระภาคเจ้า ตอบว่า.......                         ภิกษุเพลิดเพลิน เชยชม  ยึดติดรูปนั้นอยู่ เกิดความเพลิดเพลิน แล้วก็เกิดความกำหนัด มีเมื่อความกำหนัด ก็มีความเกี่ยวข้อง ภิกษุประกอบด้วยความเพลิดเพลินและความเกี่ยวข้อง เราเรียกว่า "ผู้มีปกติอยู่กับเพื่อน"                     (ภิกษุมีปกติยู่คนเดียวก็ตรงกันข้ามจากข้อความนี้่และจะ                                                                              อธิบายครั้งต่อไป) วิเคราะห์ ...

ขนมกุมมาส...

รูปภาพ
ขนมกุมมาส   หมายถึงขนมที่เก็บไว้นานเกินไปจะบูด  เช่น  ขนมด้วง ขนมครก  ขนมตาล  เป็นต้น  พระพุทธเจ้าหลังจากบำเพ็ญทุกกรกิริยาก็เสวยข้าวสุกและขนมกุมมาส วิเคราะห์     น่ากินมาก...ขอสักห่อนะ....... พระธรรมปิฏก.พจนนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์, ๒๕๓๗, หน้า ๒๐

กิจที่ควรทำ..

รูปภาพ
กิจที่ควรทำ หมายถึง กิจในอริยสัจ ๔ คือ  การกำหนดรู้ทุกข์ การละเหตุแห่งทุกข์  การทำให้แจ้งซึ่งความดับทุกข์ และการอบรมมรรคมีองค์  ๘  ให้เจริญ   วิเคราะห์       พระพุทธองค์ทรงประสงค์กิจที่ควรทำ คือกิจในอริยสัจ ตามที่กล่าวแล้ว จะเห็นได้ว่ากิจในอริยสัจนั้นเป็นเรื่องของจิต ซึ่งถูกโลภะ โทสะและโมหะ เข้ามาในสภาวะของจิต ทำให้จิตไขว้เขว ออกนอกทาง สำหรับนักปฏิบัติ ซึ่งนักปฏิบัติเองจะต้องรู้จักหน้าที่ ตามเฝ้ามองจิต ตามดูจิต แต่ไม่บังคับจิต..       หากจะปรับเข้ากับชีวิตประจำวัน ได้แก่ การรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง และดีที่สุด ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ เพราะเราไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่รับผิดชอบหน้าที่ กิจที่ควรทำในบ้านกลับไม่ทำ และอื่นๆอีกมากมาย หากแต่ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว บอกได้เลยว่า....สบายยยย....ขอบอก. ที.สี.อ. ๑/๒๔๘/๒๐๓

ไปดีแล้ว......

รูปภาพ
สุคโต คือ เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ทรงดำเนินรุดหน้าไป ไม่หวนคืนกลับมาหากิเลสที่พระองค์ทรงละได้แล้ว และเมื่อพระองค์เสด็จไปที่ไหน ที่แห่งนั้นก็มีแต่ความสุขทั้งกายและใจ วิเคราะห์       คำว่า สุคโต เป็นอีกหนึ่งพุทธคุณ และเป็นพระนามของพระพุทธเจ้า เราทั้งหลายเมื่อได้ทราบอย่างนี้แล้ว ควรจะดำเนินรอยตามพระศาสดา คือ ไปที่แห่งไหนก็ทำคุณประโยชน์ให้เกิดแก่ชาวบ้าน ให้เกิดแก่หมู่บ้าน เพราะการทำเช่นนี้ ถือว่าประโยชน์นิยมในมุมมองของศาสนา นึกถึงคนส่วนมากที่ได้รับประโยชน์จากการกระทำนี้       หากจะมีบางคน บางกลุ่มไม่พอใจ เพราะเสียผลประโยชน์ ก็จงอย่าละการทำความดี ทำประโยชน์เลย ขออนุโมทนาและให้กำลังใจกับท่านผู้มีจิตและการกระทำที่เป็นสาธารณะทุกท่านนะครับบบบบ... สู้ต่อไป...ทาเคชิ สํ.สฬา ๑๐/๓๔๑/๓๕๘

สาธุ...ขอให้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์

รูปภาพ
ผู้เว้นจากอกุศลกรรม ๑๐ ประการ   ... ย่อมไปเกิดในสุคติ ๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์ ๒. เว้นจากการลักทรัพย์ ๓. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๔. เว้นจากพูดเท็จ ๕. เว้นจากการพูดส่อเสียด ๖. เว้นจากการพูดคำหยาบ ๗. เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๘. ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของคนอื่น ๙. ไม่มีจิตพยาบาท ๑๐. มีสัมมาทิฏฐิ วิเคราะห์     ความปรารถนาในการทำบุญ สร้างกุศลทุกครั้ง ก็คือ เมื่อได้ละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ขอให้ไปสู่ภพดี ภูมิดี แต่ในหลักพื้นฐานของความเป็นมนุษย์โดยใช้หลักพุทธปรัชญาแล้ว การที่มนุษย์เว้นจากสิ่งเหล่านี้ (อกุศล) โลกก็จะสงบสุขขึันเยอะเลย ในมุมมองของพุทธศาสนาแล้ว จะเห็นได้ว่า มนุษย์เมื่ออยู่รวมกันในสังคม ต้องมีกฏกติกา ทั้งคุณธรรม และจริยธรรม ควบคู่กันไป ตรงเข้าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน..     แต่เพราะความเห็นแก่ตัว... โลกนี้จึงวุ่นวายหนอ....ขัดข้องหนอ ๆ ๆ ๆ........ สํ.สฬา  ๑๐/๓๕๘/๔๐๒

คนที่ควรสรรเสริญ ๒ ประการ

รูปภาพ
ในกาลครั้งนั้น มีผู้ใหญ่บ้านชื่อว่า ราสิยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ แล้วนั่ง ณ ที่สมควร แล้วทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใครคือผู้ที่ควรสรรเสริญ.. ? พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า....ผู้ที่ควรสรรเสริญมีอยู ๓ จำพวกคือ......             ๑. ผู้ที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม                 ด้วยการงานที่ไม่ผิด            ๒. ผู้ที่เลี้ยงตนให้อิ่มหนำสำราญ            ๓. ผู้ที่แจกจ่ายและทำบุญ   วิเคราะห์        ในปัจจุบันนี้ เราทำการงาน มีหน้าที่รับผิดชอบในการงานนั้น ได้รับเงินทองจากการงานที่ทำนั้น โดยไม่ทุจริต เรียกว่า การแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม (ไม่ใช่เงินทองที่ได้จากการฉกชิงวิ่งราว ปล้น หรือคดโกงใครมา) เมื่อหามาได้ก็จับจ่ายใช้สอย เลี้ยงดูบุตร-ภรรยา ภายในครอบครัว เรียกว่า เลี้ยงดูตนให้อิ่มหนำสำราญ และที่สำคัญ แบ่งทรัพย์เหล่านั้นออกมาสักนิดเพื่อทำประโยชน์แก่คนอื่นเค้าบ้าง เช่น เลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก บริจาคเพื่อการกุศ...

ทำชั่วและทำดี...ผลกรรมอยู่ที่ไหน ?

รูปภาพ
ครั้งหนึ่ง พระเจ้ามิลินท์ ได้ถามปัญหากับพระนาคเสนว่า.... คนทั้งหลายทำกุศลก็ดี ทำอกุศลก็ดีในโลกนี้ ผลกกรรมนั้นอยู่ที่ไหนขอรับ....พระคุณเจ้า พระนาคเสน ตอบว่า   กุศลและอกุศลที่คนทำไว้แล้ว มิได้ไปไหนเลย ยังคงติดตามตัวอยู่เสมอ เหมือนกับ                                   เงาตามตัว พระเจ้ามิลินท์ ถามต่อไปอีกว่า ... เราจะสามารถชี้ตัวกรรมออกมาให้เห็นได้หรือไม่..ประการใด..เจ้าข้า... พระนาคเสน ตอบว่า ชี้ไม่ได้ เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ยังไม่ออกผล ก็ไม่สามารถชี้ได้ว่า ผลอยู่ที่ตรง ไหน ต่อเมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้ว ผลนั้นจึงออกมาให้เห็น วิเคราะห์      ***   คนเรา เวลาทำชั่ว ผลของกรรมชั่วยังไม่ให้ผล ก็คิดว่า ผลของกรรมชั่วไม่มี เวลาต่อมา เมื่อผลของกรรมชั่วให้ผล นั่นแหละเขาจะได้รับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสทีเดียว ความดีก็เช่นกัน...        *** ยิ่งในปัจจุบัน เห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ฯลฯ เห็นทั้งผู้ทำกรรม พร้อมทั้งการได้รับผลแห่งกรรม กรรมในสมัยนี้ ติดจรวดจริงๆ.....